Quantcast
Channel: Contributor – WINDOWSSIAM
Viewing all 741 articles
Browse latest View live

วิธีการใส่ตารางและลูกเล่นของตาราง Microsoft Word

$
0
0

ในวันนี้จะมาทำการเขียนบทความง่ายๆเกี่ยวกับ Microsoft Word 2013 กันครับ โดยจะเป็นการสอนวิธีการเพิ่มตารางลงไปใน Microsoft Word และปรับให้ตารางนั้นมีสี ทำให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยในการปรับสีและลูกเล่นต่างๆของตารางจะทำให้เอกสารของเราสวยขึ้นมาทันที

วิธีการใส่ตาราง ใน Microsoft Word 2013

1. ทำการเปิด Microsoft Word

2. ไปที่ Tab : Insert และทำการเลือก Insert Table จากนั้นทำการเลือกว่าเราจะสร้างขนาดของตารางเท่าไร

Colums : แนวตั้ง

Row : แนวนอน

Insert-Table-Word-2013-1

3. จากที่เราได้ตารางมาเป็นที่เรียบร้อย ตารางของเราก็จะเป็นแค่ ขาว/ดำ โดยเราสามารถใส่สีให้กับตารางและปรับลูกเล่นให้กับตารางได้ โดยการคลิกไปที่ตาราง จากนั้นเลือก Design

Insert-Table-Word-2013-2

เมื่อทำการใส่เรียบร้อย เราก็จะได้ Table ของตารางที่มีสีสัน จากนั้นเราก็ใส่ข้อมูลต่างๆของเราลงไป

Insert-Table-Word-2013-3

โดยเป็นทิปง่ายๆของ Microsoft Word สำหรับการปรับตารางและใส่สีในตารางให้ดูสวยขึ้น


ทำหน้าปก Microsoft Word

$
0
0

สำหรับการทำรายงานส่งอาจารย์ในการทำเอกสารใน Microsoft Word 2013 , Microsoft Word 2016 ซึ่งในการทำรายงานนั้นจะต้องทำหน้าปกเสมอในการการทำรายงาน และก็ต้องมีการทำสารบัญ Microsoft Word และเนื้อหา เพราะจะได้บ่งบอกว่ารายงานนี้เป็นหัวข้ออย่างไร ซึ่งใน Microsoft Word จะมี Function ที่เรียกว่า Cover Page ในการทำหน้าปก ซึ่งมี Template สวยให้เราสามารถนำมาใช้งานได้เลย และทำให้หน้าปกติของเราสวยงาม

การทำหน้าปก Microsoft Word 2013 / 2016

1. ทำการเปิด Microsoft Word จากนั้นก็มีเนื้อหาของเราที่เราทำรายงานหรือเอกสารเรียบร้อย

Cover Page Microsoft Word

2. จากนั้นไปที่ Tab : Insert > ทำการเลือก Cover Page

Cover Page Microsoft Word step2

3. เมื่อเราคลิก Cover Page เราก็จะเห็น template ต่างๆของหน้าปก ให้เราทำการเลือกอันที่เหมาะสมกับรายงานของเรา

Cover Page Microsoft Word step3

4. จากนั้นเราก็จะได้ template ที่เราเลือก และเราก็มาทำการแก้ไขข้อความต่างๆในหน้าปกของ Word

Cover Page Microsoft Word step4

เท่านี้เราก็จะได้หน้าปกของ Microsoft Word 2013 แบบอัตโนมัติ แถมยังสวยงามและมี Design ที่สวยงามให้เรากับอีกด้วย

การทำ ScreenShot ใน Microsoft Word

$
0
0

ทุกๆคน ผมเชื่อว่าไม่มีใครรู้จัก Microsoft Word แต่วันนี้ Microsoft Word 2016 / 2013 มีลูกเล่นเพิ่มขึ้นมาเยอะเลยครับ วันนี้ผมจะมาบอกลูกเล่นที่เกี่ยวกับการทำ screenshot เพื่อการทำรูปบน Microsoft word นั่นได้ง่ายขึ้นครับ โดยลูกเล่นนี้ผมชอบมากเลยครับ มันทำให้ผมง่ายมากขึ้นกับการทำเอกสาร ในเรื่องของการ Capture ในเอกสารของ Word

การทำ ScreenShort ใน Microsoft Word 2016 / 2013

1. ให้เราทำการเปิด Microsoft Office Word ขึ้นมาก่อนนะครับ

จากนั้นไปที่ Insert > Screenshot และให้เลือก Screen Clipping

SceenShot-Microsoft Word

2. จากนั้น เราก็ไปทำงาน Capture รูปภาพที่เราอยากได้ เมื่อ Capture เรียบร้อย รูปภาพก็จะมาโผล่ให้บน Microsoft Word 2013 / 2016 ของเรานี้เอง

SceenShot-Microsoft Word 2013

เป็นไงมั้งครับ ง่ายไหมครับ มันทำให้ผมสะดวกมากขึ้นมากๆกับการทำรายงาน ส่งหัวหน้า หรือ อาจารย์ครับ ในเรื่องของการ Capture รูปภาพไฟล์ต่างๆ โดยไม่ใช้โปรแกรมอื่นๆมาทำการ Capture รูปภาพ

เปรียบเทียบจุดแตกต่างของไฟล์เอกสาร Microsoft Word

$
0
0

สอนการเปรียบเทียบของไฟล์เอกสารไฟล์ Microsoft Word ว่า 2 ไฟล์นี้มีจุดแตกต่างกันตรงไหนบ้าง โดยอาศัยฟังก์ชั่น Compare เอกสารของไฟล์ Word 2013 กัน หรือ ที่เราเรียกว่าวิธีการเปรียบเทียบเอกสารของทั้ง2ไฟล์ ว่าทั้งไฟล์2ไฟล์นี้มีส่วนไหนที่แตกต่างกันบ้าง จะได้ไม่ต้องมานั่งไล่มองจุดที่แตกต่างเอง ทำให้ลายตากันทีเดียว

การ Compare เอกสารไฟล์ Microsoft Word 2016/2013

1. ขออธิบายก่อน

File Pasts of Speech : เป็นไฟล์ต้นฉบับ นะครับ

File Pasts of Speech new : เป็นไฟล์ที่แก้จากต้นฉบับ(แก้จากไฟล์ File Pasts of Speech)

Compare Microsoft Word

2. จากนั้นให้เราเปิด Microsoft Word 2013 และให้ไปแถบเมนู Review > Compare

Compare Microsoft Word Menu

3. หลังจากกด Compare แล้วให้เราเลือก Compare ครับ

4. จากนั้นให้เลือกไฟล์ ครับ

อธิบายตามหมายเลข

หมายเลข 1 : เป็นฝั่งไฟล์ต้นฉบับ ในที่นี้คือ File Pasts of Speech

หมายเลข 2 : เป็นฝั่งไฟล์ที่ทำการแก้ไข ในที่นี้คือ File Pasts of Speech new

เมื่อเลือกทั้งคู่แล้วก็ได้กด OK

Compare Microsoft Word Menu 2013

Compare Microsoft Word Menu 2013 step2

5. จากนั้น รอสักครู่ เพื่อ Microsoft Word จะำทำการ Compare ในส่วนเอกสารที่ต่างกันครับ

จากนั้นก็จะสรุปออกมาดังภาพ

อธิบาย :

กรอบสีแดง (ซ้าย) : จะเป็นการสรุปผลลัพธ์ในจุดที่ไฟล์ File Pasts of Speech / File Pasts of Speech New แตกต่างกันเฉพาะจุด

กรอบ (ตรงกลาง) : จะเป็นการสรุปผลลัพธ์ในจุดที่ไฟล์ File Pasts of Speech / File Pasts of Speech New แตกต่างกัน ณ ตำแหน่งใน Word โดยข้อความที่แตกต่างจะ ถูกขีดสีแดงหน้าข้อความ

กรอบ(ขวา) : เป็นการโชว์ไฟล์เอกสารของไฟล์ File Pasts of Speech/ File Pasts of Speech New

Compare Microsoft Word Menu 2013 Revisions

เป็นไงง่ายไหมครับกับการ Compare เอกสารไฟล์ Word ซึ่งทำให้เราลดเวลาลงมากในการเปรียบเทียบหาจุดที่แตกต่างกันของไฟล์ Microsoft Word

วิธีการ Compact Outlook file เพื่อลดขนาดของ file .pst

$
0
0

ในการใช้ Outlook2013 , Outlook 2016 เมื่อเราทำการใช้ Outlookไปเรื่อยๆ ไฟล์ .pst ของเราก็จะโตขึ้นเรื่อยๆ ตามขนาดของ Mailbox ที่เข้ามายังภายใน mail ของเรา ซึ่งถ้าไฟล์ .pst ของเรามีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อาจจะทำให้เราเปิด outlook ได้ช้าหรือมีปัญหาในการเปิด outlook แต่วันนี้ผมจะ่มาบอกวิธีการ compact outlook data file Microsoft Outlook กัน อาจจะไม่มีวิธีที่ดีที่สุดในการทำแต่วิธีนี้ก็ช่วยได้เหมือนกันนะครับ

สำหรับคนที่ใช้ Microsoft  Outlook โดยทำการ Sync email แบบ Exchange ไม่ต้องทำนะ

การ Compact Microsoft Outlook 2013 / 2016

1. ไปที่ File

Compact Microsoft Outlook file pst Menu

2. Info > เลือก Account Settings > ทำการเลือก Account Settings

Compact Microsoft Outlook file pst account

3. ให้เราเลือก Tab Data File จากนั้นให้เราคลิก Tab E-mail ตามลูกศรสีดำ (E-mail ตัวที่ Comment : Default)

และทำการกด Settings

Compact Microsoft Outlook file pst

3. ให้เรากด Compact Now จากนั้นก็รอระบบของ Outlook ทำการ compact outlook file

โดยเวลาในการทำจะขึ้นอยู่กับขนาดของไฟล์ .pst และตอนทำ compact อาจจะทำคอมพิวเตอร์ของเราช้าลงไปนิดหน่อยนะครับ ไม่ต้องตกใจ เมื่อทำการ compact เสร็จเรียบร้อย ก็ให้กด OK เรียบร้อยการบีบอัดลดข้อมูลในการโตของไฟล์ .pst

เตรียมตัวก่อนการทำซื้อคอมพิวเตอร์ประกอบ

$
0
0

สำหรับมือใหม่คอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่อ่านบทความในการ Intro computer ครั้งนี้ของผม ผมจะนำท่านเข้าสู่การอธิบาย Hardware ส่วนๆต่างๆของ PC ชนิดที่ว่าปลอกเปลือกกันเลยดีกว่า ว่าแต่ละส่วนคืออะไร ทำหน้าที่อะไร โดยหลังจากที่คุณได้ทำการอ่านบทความนี้เป็นที่เรียบร้อยคุณก็สามารถทำการจัดการไปซื้อคอมพิวเตอร์ประกอบได้แล้วว่าเราจะซื้ออะไรมาประกอบให้กับคอมพิวเตอร์ของเราได้บ้าง

เตรียมการก่อนการซื้อคอมพิวเตอร์ประกอบเอง

หน้าตาของ Case PC (Personal Computer )

ซึ่งข้างในประกอบไปด้วยส่วนต่างๆ ซึ่ง Case ก็จะมีหลายแบบแล้วแต่วัสดุในการผลิต แบบถูกก็ประมาณ 350บาท แต่ถ้า Case ดีๆหน่อยก็ราคาประมาณ 1500 บาท Up!! ครับ ซึ่งเคสนั้นจะแพง หรือ ไม่แพงก็อยู่ที่วัสดุในการทำของ Case

Computer - Case

การเลือกซื้อ Mainboard (เมนบอร์ด)

แผงวงจร Printer Circuit Board (PCB) ซึ่งมีความสำคัญมากเลยทีเดียวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมของอุปกรณ์ต่างๆในการเชื่อมต่อเข้าหากัน(I/O) ไม่ว่าจะเป็น Harddisk , VGA ,RAM และอุปกรณ์อื่นๆอีก

ผู้ผลิต

ซึ่งผู้ผลิต Mainboard มีหลายเจ้า อาทิเช่น ASUS, Gigabyte, MSI, Foxconn และเจ้าอื่นอีกมากมาย แต่ที่นิยมก็คือ ASUS หรือ MSI นี้เอง (ขอค่าโฆษณาด้วยครับ ^ ^)

Socket
เจ้า Socket นี้เป็นสถาปัตยกรรมของ CPU ที่ได้วางลงไปใน Printer Circuit Board (PCB)
ซึ่งเวลาเราจะประกอบคอมพิวเตอร์เองนั้นเราก็จะต้องเลือกว่าเราจะเลือกซื้อ CPU ค่ายไหน ไม่ว่าจะเป็นของ Intel หรือ AMD หลังจากนั้นเราก็ต้องมาดูเมนบอร์ดว่ารองรับกับ CPU ตัวนั้นที่เราเลือกหรือไม่

เช่น ผมเลือก CPU ของ Intel
Intel Pentium 4 , Intel Pentium D ,Intel Celeron,Intel Celeron D , Intel Pentium XE , Intel Core 2 Duo, Intel Core 2 Quad, Intel Xeon ผมก็จะต้องซื้อ Mainboard ที่รองรับ CPU รุ่นๆนั้น ในที่นี้ก็คือ Socket LGA 775

แต่ถ้าเป็น Core i3 , i5 ,i7 ของ Intel  ผมก็จะต้องซื้อ Mainboard ที่รองรับ CPU รุ่นๆนั้น ในที่นี้ก็คือ Socket LGA 1150 , Socket LGA 1151  (Socket จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามปี ตอนที่ผู้เขียนทำการเขียนนิยม 1151)

สำหรับคนที่จะลง Windows 10 , Windows 8.1 , Windows 7 , Windows Xp ที่เป็น X64 ก็ขอให้ดูช่อง Slot ของ Ram บนเมนบอร์ดด้วยนะครับว่า มี 4 หรือ 2 Slot ถ้าเราอยากจะลง X64 ก็ขอให้เลือก mainboard ที่มีช่อง Ram 4Slot นะครับ จะได้ยัดแรมใส่ไปได้เยอะๆ

เช่นคอมพิวเตอร์ผม ลง Windows 10 x64 , Windows 7 Professional X64 ผมก็จะใส่แรมได้สูงสุดที่ 192GB แต่ความเป็นจริงคงใส่ไม่ถึงหรอกครับ – -” แต่ผมใส่แค่ 8GB * 2 Slot = 16GB คอมพิวเตอร์ผมก็บินได้แล้วครับ [ อยากเห็นคนไทยบินได้… พี่ตูนโฮ๊ะๆๆๆ ]
แต่ถ้าเป็น Windows 10 32 bit , Windows 7 X86 (32Bit) ก็จะรองรับสูงสุดได้แค่ 4G นะครับ

และอย่าลืมดูด้วยละว่า Mainboard ของเรา Support Ram DDR1/DDR2/DDR3 /DDR 4 ตัวไหนเราจะได้ไปเลือกซื้อแรมได้ถูก

Computer - Mainboard

วิธีการเลือกซื้อ Mainboard

ปกติในการเลือกคอมพิวเตอร์ประกอบเราจะเลือก CPU เป็นอันดับแรก จากนั้นก็หาเมนบอร์ดให้ทำการ Support กับ CPU ที่เราเลือก
1. ดูเมนบอร์ดที่ Support กับ CPU ของเราก่อนนะครับ
2. เราจะซื้อเมนบอร์ดที่ Support VGA on board ด้วยหรือเปล่า (ถ้าในกรณีคุณจะไม่ซื้อการด์จอแยกน่ะ)
3. กำลังทรัพย์ อันนี้สำคัญครับ!!!

การเลือกซื้อ CPU (Central Processing Unit)

CPU ก็เปรียบเหมือนสมองของมนุษย์เรานี้เอง CPUเป็นสมองกลที่มนุษย์ของเราได้ผลิตขึ้นมาเพื่อประมวลผลการทำงานของคอมพิวเตอร์ ซึ่งทางผู้ผลิตก็จะมี2เจ้ายักษ์ใหญ่ก็คือ Intel , AMD

ซึ่งปัจจุบันก็มีให้เลือกหลายรุ่นเช่น Core i3,i5,i7 , C2Q และรุ่นอื่นๆอีกเยอะครับ ชอบรุ่นไหนก็เลือกตามกำลังทรัพย์ของท่านได้เลยนะครับ สำหรับผม Core i7 เท่านั้น ^ ^

วิธีการเลือกซื้อ CPU

1. ตัดสินใจเลือกค่ายก่อนว่าจะเลือก Intel หรือ AMD

เจาะลึก Core i3

เจาะลึก Core i5

เจาะลึก Core i7

2. Speed ของ CPU ครับ อันนี้ตามกำลังทรัพย์เลยครับ

Computer - CPU

การเลือกซื้อ Harddisk

Harddisk เป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้เก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของเรา ซึ่งฮาร์ดดิส มีหลายแบบครับ เช่น Harddisk แบบ SATA , IDE ,*SAS,*SCSI (*ระดับServer) , แบบใหม่ SSD (ถ้ามีเงินก็จัดเลย ไวสุดๆ แต่แพงหน่อยนะ)

Harddisk แบบ Sata

Sata-III ก็จะมีการอัตราการถ่ายส่งข้อมูล 6.0Gbps
Sata-II ก็จะมีการอัตราการถ่ายส่งข้อมูล 3.0Gbps ความเร็วรอบอยู่ที่ 7200 rpm
Sata-I ก็จะมีการอัตราการถ่ายส่งข้อมูล 1.5Gbps ความเร็วรอบอยู่ที่ 7200 rpm

ผู้ผลิต Harddisk
ก็มีหลายเจ้าครับ เช่น Seagate , Western (WD) , Sumsung , Hitichi และยี่ห้ออื่นๆอีกมาก

อย่าถามผมนะว่า ยี่ห้อไหนดี?? ผมตอบแบบนี้ละกันช่วงนี้หลังนี้ผมใช้แต่ Western ไม่ค่อยงอแงกับผมเลยยี่ห้อนี้(แต่ผมไม่ได้ว่ายี่ห้ออื่นไม่ดีนะครับ) แต่มันก็มีหลายปัจจัยน่ะครับ เช่น ระบบไฟในการจ่ายไฟของ PSU ของคุณ , หรือแล้วแต่ดวงก็ตาม เพราะอุปกรณ์อิเล็กโทนิค เอาอะไรแน่นอนไม่ได้นะครับเพราะอุปกรณ์พวกนี้ใช้ไฟในการทำงาน แต่แนะนำว่าให้ทำการซื้อ PSU (PowerSupply Watt แท้นะครับ เพราะจะทำให้จ่ายไฟได้นิ่งกว่าของปลอม)

แนะนำ Western WD

Computer - Harddisk

การเลือกซื้อ RAM (Random Access Memory)

ในปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ PC ส่วนใหญ่จะใช้ RAM DDR DDR2 DDR3  DDR 4พามาดู DDR1/DDR2/DDR3/DDR4 ว่ามันแตกต่างกันอย่างไง

ในการซื้อ RAM ตรงเมนบอร์ดจะมีบอกว่า RAM ที่เราซื้อได้จะใช้ RAM ประเภทไหน  BUS เท่าไร

ถ้าตอนนี้เราอยากรู้ว่าเราใส่ Ram DDR อะไร ให้โหลดโปรแกรม CPU-Z มาดูครับแล้วเราก็จะรู้ถึง Bus และชนิดของแรม

ก่อนซื้อ อย่าลืมดูเมนบอร์ดด้วยนะครับว่าแรมรับ Bus ได้เท่าไร และชนิดของแรมด้วยว่าเป็น DDR2 DDR3

จากรูป DDR ,DDR2,DDR3 จะแตกต่างกันตรงพินและการทำงานของแรมแต่ละชนิดครับ

ในตลาดก็จะมี2ยี่ห้อที่นิยามซื้อกัน อาทิเช่น Kington , Corsair ซึ่งแรมในตลาดส่วนมากจะประกัน LifeTime นะครับ แต่ ถ้าแรมเกิดการไหม้ , คลาบสนิมขึ้น บางยี่ห้อไม่รับประกันนะครับ

ถ้าเมนบอร์ดของเรา สามารถใส่ RAM ได้ 4 Slot ก็ให้ ก็ให้ใส่ slot 1/3 , 2/4 นะครับ ให้ใส่เป็นคู่ ตามรางสีของ Slot RAM เพื่อทำงานแบบ Dual Channel ของ RAM

Computer - RAM

 

การเลือกซื้อ Power Supply

ในตลาด จะมีปลานึ่ง ปลาทู เฮ้ยไม่ใช่ >< ในตลาดของ IT จะมี Power supply อยู่ 2แบบคือ
ขอเรียกง่ายๆเลยละกันนะครับ
1. Watt แท้ จะเป็น Power Supply ประเภทจ่ายไฟเต็ม และค่อยข้างนิ่งครับ เหมาะสำหรับคอเกมส์ที่ที่ใ่ส่การด์จอแรงๆ หรือ อุปกรณ์ใน Case เราเยอะ แนะนำ !!
2. Watt เทียม จะเป็น Power Supply ประเภทจ่ายไฟไม่ค่อยเต็ม ซื้อมาตอนแรกๆก็ดีหรอก แต่พอนานๆไปอาการเริ่มมาแล้วครับ ไม่เหมาะกับคอเกมส์เลยครับ

Computer - PSU

การเลือกซื้อ
-อยู่ที่กำลังทรัพย์อีกแล้วครับ ถ้ามีตังก็แนะนำ Watt แท้ไปเลยครับ ราคา Wattแท้กับ Wattเทียมต่างกันอยู่เยอะนะครับ ที่สำคัญอย่าลืมดูที่ประกันนะครับ (Wattเทียมส่วนมากประกันที่ 6-12เดือน , Wattแท้ประกันอยู่ที่ 1-3ปี หรือ lifetime ครับ)
– ดูจำนวน Watt ที่เราต้องการให้เหมาะสมกับคอมพิวเตอร์ของเรา ลองดูว่าในคอมพิวเตอร์ของเรามีการด์จอไหม HDD กี่ลูก ,Drive DVD กี่ที่ Block หรืออุปกรณ์ต่างๆที่ต่อพ่วงอยู่

ผู้ผลิต
มีหลายเจ้าครับ อาิทิ Enermax (ตัวพ่อเลยยี่ห้อนี้ แจ่ม) , Thermal Take(ยี่ห้อนี้ผมใช้อยู่ มันยอดมากเลย!!) และยี่ห้ออื่นๆอีกเยอะครับ

การเลือกซื้อ VGA (Video Graphics Array) หรือที่เราเรียกกันว่าการด์จอ

เจ้า VGA ตัวนี้ขาเกมส์ต้องไม่พลาดแน่ๆ ในการซื้อมาใส่ PC ของตัวเอง เพราะว่ามันจะทำให้ภาพในการเล่นเกมส์นั้นสวยมากๆ ในตลาด IT ของเราจะมีเจ้ายักษ์ใหญ่ของวงการการ์ดจออยู่ 2ค่าย ก็คือ NVIDIA กับ ATI ซึ่งจะทำการผลิต Chipset กันออกมา แต่อุปกรณ์ยี่ห้อของการ์ดจอจะมีหลายยี่ห้อครับ เช่น Asus , Galaxy , Gigabyte, XFX , WinFast และยี่ห้ออื่นๆอีกมาครับ

สมัยนี้การด์จอส่วนใหญ่ Slot จะเป็นแบบ PCI-E หมดแล้วครับ ซึ่งแต่ก่อนจะเป็นพวก AGP 8X แต่ถ้าเมนบอร์ดใหม่ๆ เป็น PCI-E หมดแล้วครับ

การด์จอก็จะมีแรมของมันด้วยในตัว ตั้งแต่ 256 MB – 4 GB เลยทีเดียว และเวลาเราซื้อการด์จอผมอยากให้ดูที่ Bit rate ด้วยนะครับ ยิ่งเยอะยิ่งดี แต่ราคาก็จะสูงขึ้นตาม นะครับ

แต่ถ้าสำหรับคนที่ซื้อคอมพิวเตอร์ประกอบเอาไว้ทำงาน หรือเล่นเกมส์ Flash บนเวป ผมก็อยากบอกว่า ไม่จำเป็นต้องซื้อการด์จอหรอกครับ ให้เลือกซื้อเมนบอร์ดที่มี VGA Build-in มาด้วยจะดีกว่าครับจะได้ประหยัดงบไปอีกเยอะ

สุดท้ายเมื่อทำการประกอบคอมพิวเตอร์เรียบร้อย ในส่วนต่อไปก็คือการลง Windows : สอนการลง Windows 10 USB

การลบช่องว่างของข้อความ Microsoft Excel

$
0
0

ถ้าเราได้ข้อมูลของลูกค้ามา โดยเป็น ชื่อ นามสกุล โดยเมื่อเราทำการ Input มาจากระบบอื่นๆมาเข้า File Excel แล้วเกิดช่องว่างระหว่างชื่อ – นามสกุล แล้วเราจะต้องมานั่งจัดเรียงใหม่ก็ไม่ใช่ โดยถ้ามีรายชื่อถึง พันกว่าคน หรือ หมื่นกว่าคนจะทำอย่างไร วันนี้ผมมีสูตรการใช้ Function ของ Excel ในการตัดช่องว่างหน้าชื่อ และ พื้นที่ว่างระว่าง หลังชื่อ และนามสกุลมาฝาก โดยหลักๆจะเป็นการลบพื้นที่หน้าข้อความออก

เทคนิคการลบพื้นที่ว่างหน้าข้อความ Microsoft Excel (Remove Space text file)

1. เมื่อเรามีข้อมูลอยู่ในมือ ดูจากคอลั่ม RAW DATA Input พบกว่า ชื่อและนามสกุล กระจัดกระจายไปหมด มีช่องว่างเต็มไปหมด

โดยเราสามารถปรับให้เรียงชื่อได้ในคอลั่ม Results

Remove spaces from text Excel Covers

2. โดยให้ใช้สูตร

=TRIM(Text)   แต่ในตัวอย่างใช้   the formula in cell C5 is :  =TRIM(C5)

Remove spaces from text Excel C5

3. เราก็จะได้ดังภาพ ”    Teddy            Sheringham” ก็จะเรียนเป็น “Teddy Sheringham” โดยเป็นการตัดช่องว่างออก

Remove spaces from text Excel Covers Step2

4. จากนั้นเราก็เอาเมาส์ลากตรงมุมขวาล่าง เพื่อทำ Row อื่นๆ โดยผลลัพธ์ก็จะได้ดังภาพ

Remove spaces from text Excel Results

ง่ายไหมครับกับการใช้สูตรในการตัดช่องว่างระหว่างข้อมูลใน Microsoft Excel โดยเป็นการสูตรง่ายๆและเทคนิค โดยเราสามารถนำไปประยุกต์ในการลบช่องว่างของ Text ได้

สูตรการรวมยอดขายในแต่ละเดือน Microsoft Excel

$
0
0

ในการใช้สูตรมารวมยอดขายของแต่ละเดือน สามารถทำได้โดยใช้สูตรง่ายๆในการใช้ Microsoft Excel ในการช่วยในการคำนวนในเรื่องของตัวเลขในการคำนวนยอดขาย เพื่อให้เราเห็นยอดในแต่ละเดือน และเดือนถัดไป บวกกันไปเรื่อยๆจนครบ 1 ปี

1.  เป็นการใช้สูตร SUM ในแต่ละเดือน โดยเดือน JAN  + Feb  = xxx แล้วนำยอดไปบวกเดือน Mar โดยทำการบวกไปเรื่อยๆ

=SUM($C$5:C5)

Calculate running total Excel step1

2. ใช้สูตรตามภาพ เพราะว่า ยอดแรกของเราอยู่ C5

Calculate running total Excel step2

เมื่อเราได้ยอดเดือนแรกแล้ว ก็ให้ทำการลากลงมาได้เลย จนถึงสุดท้าย

Calculate running total Excel step3-1

3. สุดท้ายเราก็จะได้ยอดที่สรุปของทุกๆเดือน

Calculate running total Excel Summary

โดยเราจะได้ยอดในการบวกในแต่ละเดือนมาบวกกันไปเรื่อยๆ และยอดสรุปทั้งปี เป็นทิปง่ายๆสำหรับการใช้สูตร Microsoft Excel


วิธีอัพเดต Windows 7

$
0
0

วันนี้ผมจะมาสอนวิธีการเปิด – ปิด Windows Updates ของ Windows 7 ถ้าใครกำลังใช้ Windows 7 ของแท้ที่ทำการซื้อ License จาก Microsoft หรือตัวแทนจำหน่ายตามห้าง IT ต่างๆ ก็แนะนำว่าให้ทำการเปิด Windows Update เอาไว้ เพราะว่าการอัพเดต Windows จะเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้ Windows และทำการแก้ไข Bugs ต่างๆ และเพิ่ม Security ให้กับ Windows

วิธีการอัพเดต Windows 7

1. ไปที่ Start > เลือก Control Panel

Windows7-Updates-1

2. เลือก View by : Catagory และทำการเลือก Windows Update

Windows7-Updates-2

3. จากนั้นเราจะเห็นหน้าต่างของ Windwos Updates

Windows7-Updates-3

4. ทำการคลิก Change Settings

Windows7-Updates-4

5. จากนั้นเลือก

ถ้าเป็น Windows 7 ของแท้ แนะนำให้เลือก Install Update automatic และเลือกเวลาในการ Update

Note : ถ้าใครไม่ต้องการทำการอัพเดต ก็ให้เลือก Never check for update (not recommended)

Windows7-Updates-5

จากนั้นทำการคลิก Check for update

Windows7-Updates-6

เมื่อทำการตรวจสอบการอัพเดต Windows เรียบร้อย ให้เราทำการกด Optional update are avilable

และเราสามารถเลือก Patch ต่างๆเพิ่มเติมได้ และทำการกด OK โดยให้เราเลือกหมดทุกตัวเลยก็ได้สำหรับ Windows ( แต่ถ้าเป็นพวกการอัพเดต Software จะเลือกหรือไม่เลือกก็ได้แล้วแต่ครับ แต่ก็จะแนะนำให้เลือก )

Windows7-Updates-7

โดยในการ Update Windows 7 หรือจะเป็น Windows 8 / Windows 10 ก็จะเป็นการเพิ่ม Security ของ Windows ให้ดียิ่งขึ้น กัน Hacker เข้ามาทำการล่วงข้อมูลสำคัญๆของเรา โดยสำหรับใครที่ใช้ Windows แท้ ก็แนะนำว่าให้ทำการเลือกเปิด Windows Update ด้วย

The post วิธีอัพเดต Windows 7 appeared first on WINDOWSSIAM.

ทำการ Repair Windows 7

$
0
0

สำหรับคนที่กำลังเจอปัญหากับการเปิดคอมพิวเตอร์ Windows 7 ไม่ขึ้น โดยอาการอาจจะมีหลายสาเหตุต้องจะต้องทำการ Repair Windows 7 ซึ่งในการ Repair Windows นั้นไม่ยากเลยครับ

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนการ Repair Windows 7

1. เตรียมแผ่น DVD Windows 7 หรือจะเป็น USB Boot Windows 7

2. คอมพิวเตอร์

วิธีการ Repair Windows 7

1. ทำการตั้งค่าใน BIOS เพื่อให้ทำการ Boot DVD เป็นอันดับแรก หรือ USB

วิธีการเข้า BIOS คอมพิวเตอร์

2. เมื่อเราเห็น Press any key to boot from CD or DVD ….. ให้ทำการกด Enter

Repair-Windows7-Boot

3. ทำการคลิก Next

Repair-Windows7-Boot2

4. ทำการคลิก Repair your Computer

Repair-Windows7-Repair

5. จากนั้นรอคอมพิวเตอร์ทำการ ตรวจสอบ Windows เครื่องเรา จากนั้นจะเห็น OS ของเรา Windows 7 และทำการคลิก Next

Repair-Windows7-Repair2

6. ทำการคลิก Startup Repair

Repair-Windows7-Repair3

7. จากนั้นระบบจะทำการ Repair Windows 7 ของเราให้สมบูรณ์เพื่อการ Boot เข้าไปได้ยังในหน้า Windows

Repair-Windows7-Repair4

ทำการกด Finish และทำการกด Restart คอมพิวเตอร์ เพื่อเป็นการเข้า Windows 7 ใหม่อีกรอบ

8. ถ้าลองเข้า Windows 7 แล้วยังเข้าไม่ได้ ให้ทำขั้นตอนทั้งหมดนี้อีกครั้ง และเลือก Command Prompt

จากนั้นทำการพิมพ์ bootrec /fixmbr และเมื่อเห็นข้อความ Successfully ให้ทำการปิดหน้าต่าง command และทำการ Restart Computer

9. ทำการลองเข้า Windows 7 แบบปกติ เหมือนเปิดคอมพิวเตอร์ปกติ คุณก็จะสามารถเข้า Windows ได้ตามปกติ

The post ทำการ Repair Windows 7 appeared first on WINDOWSSIAM.

แนะนำการติดตั้ง Windows สำหรับมือใหม่

$
0
0

สำหรับหลายๆคนที่กำลังจะทำการลง Windows ใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Windows 7 , Windows 8.1 หรือ Windows 10 สำหรับคนที่กำลังหาวิธีการติดตั้ง Windows นั้น ซึ่งอาจจะเป็นมือใหม่หัดลง Windows และต้องการดูขั้นตอนก่อนการลง Windows ว่าทำอย่างไร เพราะก็ไม่เคยทำการลง Windows มาก่อน ซึ่งวันนี้ผมมาทำการรวบรวมวิธีการต่างๆก่อนการลง Windows

โดยในการลง Windows จะมี 2 วิธี คือ ลง Windows จากแผ่น Disc DVD และวิธีการลง Windows แบบ USB

สอนวิธีการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ประกอบ

สำหรับคนที่เพิ่งทำการซื้อคอมพิวเตอร์มาใหม่และต้องการลง Windows

1. ทำการเตรียมแผ่น หรือ USB สำหรับ Windows 7 , Windows 8.1 หรือ Windows 10

โดยในการเตรียม อาจจะเป็น Windows แบบใช้แผ่น หาซื้อตามพันทิพ หรือ เซียร์รังสิต และห้างที่เกี่ยวกับ IT แต่สำหรับใครที่ต้องการลง Windows แบบ USB ก็ให้ทำการดาวน์โหลด Windows มาเป็นแบบ .iso จากนั้นทำการสร้างให้เป็น file boost Windows

วิธีการเตรียมไฟล์ Windows ลงแบบ USB ทั้ง Windows 7 , Windows 8.1 และ Windows 10

เมื่อทำการเตรียมไฟล์ในการลง Windows เรียบร้อย ก็ให้ทำการลง Windows ตามปกติ

วิธีการลง Windows 7

วิธีการลง Windows 8.1

วิธีการลง Windows 10

2. ทำการลง Drivers ต่างๆตามอุปกรณ์ต่างๆ อาทิเช่น Wireless , การด์จอ , LAN

โดยไดร์เวอร์ต่างๆ ให้ไปดาวน์โหลดตามยี่ห้อ Notebook / PC ของเรา โดยเช่น ถ้าเราใช้ Notebook Dell ก็ให้เข้าไปที่ WebSite Dell และก็ให้ดาวน์โหลดรุ่นนั้นมา

แนะนำการดาวน์โหลด Drivers ต่างๆ

3. ทำการ Active License Windows

ทำการ Activate Windows License

4. เรียบร้อย จากนั้นทำการติดตั้ง Microsoft Office

5. พร้อมใช้งาน Windows

สำหรับคนที่มี Windows ที่ใช้งานอยู่แล้ว และต้องการลง Windows ใหม่ ควรทำอย่างไร

Active-License-Windows10-Cover

1. ต้องทำการ Backup File ไฟล์ต่างๆที่อยู่บน Drive C ก่อน โดยทำการ Backup ไฟล์อาทิเช่น ไฟล์รูปต่างๆของเรา , ไฟล์เอกสารของ Microsoft Office ต่างๆ หรือเพลงต่างๆที่อยู่ Drive C โดยให้ทำการคัดลอกไปไว้ที่ Drive D / E (Drive ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ Drive C)

2. ทำการ Backup Favorites ของ WebSite ต่างๆของ IE , Firefox , Chrome

ทำการ Export Favorites Google Chrome

3. จากนั้นทำการเตรียมแผ่น หรือ USB สำหรับการลง Windows

สำหรับแผ่น : ให้ไปทำการซื้อที่ตามห้าง IT ต่างๆ

สำหรับลง Windows แบบ USB : ให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์ .iso สำหรับ Windows และทำไฟล์ Boot ของ Windows

วิธีการเตรียมไฟล์สำหรับลง Windows แบบ USB

โดยการลง Windows แบบแผ่น กับลง Windows แบบ USB จะเหมือนกันต่างกันแค่ตอนเลือก Boot ตอนแรก

4. ทำการลง Windows โดยให้ทำการ Format เฉพาะ Drive C

วิธีการลง Windows 7

วิธีการลง Windows 8.1

วิธีการลง Windows 10

5. ทำการลง Drivers ต่างๆตามอุปกรณ์ต่างๆ อาทิเช่น Wireless , การด์จอ

โดยไดร์เวอร์ต่างๆ ให้ไปดาวน์โหลดตามยี่ห้อ Notebook / PC ของเรา โดยเช่น ถ้าเราใช้ Notebook Dell ก็ให้เข้าไปที่ WebSite Dell และก็ให้ดาวน์โหลดรุ่นนั้นมา

แนะนำการดาวน์โหลด Drivers ต่างๆ

6. ทำการ Active License Windows

ทำการ Activate Windows License

7. เรียบร้อย จากนั้นทำการติดตั้ง Microsoft Office

หวังว่าบทความที่ผมเขียนขึ้นมาในการลง Windows นั้นจะเป็นประโยชน์ในการลง Windows สำหรับมือใหม่

The post แนะนำการติดตั้ง Windows สำหรับมือใหม่ appeared first on WINDOWSSIAM.

กู้ไฟล์คืนจากใน Recycle Windows

$
0
0

สำหรับใครที่ใช้ Windows ตั้งแต่ Windows XP , Windows 7 , Windows 8.1 และก็ Windows 10 เคยไหมครับ ที่เผลอทำการลบไฟล์สำคัญบางไฟล์ไป โดยการลบไฟล์ทุกๆครั้งใน Windows เมื่อเราทำการลบไฟล์ออกจาก Windows ไฟล์ทุกๆไฟล์จะมาเก็บอยู่ใน Recycle Bin ของ Windows ก่อน หรือที่เราเรียกว่าถังขยะของ Windows โดยวันนี้ผมจะมาสอนวิธีการ Restore ไฟล์จากที่เราเคยลบไปในหน้า Explorer ใน Windows ของเราไป ให้คืนกลับมาที่เดิมของไฟล์นั้นๆ

วิธีการกู้คืนไฟล์จากใน Recycle Bin ของ Windows

1. หลังจากที่เราทำการลบไฟล์ไปเรียบร้อย ไฟล์ต่างๆจะถูกเก็บอยู่ใน Recycle Bin ของ Windows

โดยให้เราคลิกเข้าไปในถังขยะของ Windows จากนั้นเราจะพบกับไฟล์ต่างๆที่เราเคยลบไป

Recycle-Bin-Windows-1

2. ทำการคลิกขวาเลือกที่ไฟล์ที่เราต้องการ กู้คืนกลับมา > เมื่อเราเลือก restore เรียบร้อย ไฟล์จะไปอยู่ในตำแหน่งเดิมที่เคยลบ

Recycle-Bin-Windows-2

การกำหนดค่าของถังขยะ แนะนำว่าให้ทำการกำหนดที่ Drive D: ประมาณ 20480 MB หรือประมาณ 2GB

Recycle-Bin-Windows-4

ซึ่งในการลบไฟล์อย่าลืมครับ ไฟล์มันจะมาเก็บในถังขยะของเราก่อน แต่ถ้าเรากดปุ่ม Shift+Delete ไฟล์จะไม่มาเก็บในถังขยะของเรานะครับ โดยวันนี้เป็นทิปง่ายๆสำหรับการกู้ไฟล์จากใน Recycle Bin ของ Windows

The post กู้ไฟล์คืนจากใน Recycle Windows appeared first on WINDOWSSIAM.

การตั้งค่า VPN สำหรับ Windows 7

$
0
0

สำหรับการตั้งค่า VPN ของ Windows 7 นั้นทำการตั้งค่าไม่ยากครับ โดยการการตั้งค่า VPN ส่วนมากจะใช้กับในกรณีที่เรานั่งใช้คอมพิวเตอร์อยู่ที่บ้านและต้องการ VPN เข้าไปที่ Office เพื่อใช้งานโปรแกรมต่างๆหรือ Application ต่างๆใน Server Office โดยวันนี้ผมจะมาเขียนบทความง่ายๆในการ Setup VPN Windows 7

การตั้งค่า VPN สำหรับ Windows 7

1. ไปที่ Start > Control Panel

ทำการปรับ View by : ให้เป็น Category จากนั้นทำการเลือก View network status and tasks

set-vpn-Windows7-1

2. ทำการคลิก Setup a new connection or network

set-vpn-Windows7-2

3. ทำการคลิก Connect to a workplace

set-vpn-Windows7-3

4. คลิก Use my Internet Connection (VPN)

set-vpn-Windows7-4

5. เติมค่าดังกล่าวดังนี้

Internet address : ให้ทำการใส่ IP Address ของ Server VPN

Destination name : ทำการตั้งชื่อ เช่น VPN Office

set-vpn-Windows7-5

6. Username : ทำการกรอก Username

Password : ทำการใส่ Password

Domain : ถ้ามี Domain ให้ใส่ด้วย แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่

set-vpn-Windows7-7

7. เมื่อเราทำการ Connect เรียบร้อย ตรงในช่องของ Dial-up and VPN

จะแสดง ชื่อ VPN พร้อมสถานะ Connected

set-vpn-Windows7-8

เมื่อเราทำการ Connect VPN เรียบร้อย เราก็สามารถเข้าไปใช้ Application ต่างๆหรือโปรแกรมต่างๆได้แล้ว เหมือนกับว่าเราไปนั่งใน Office ทำงาน โดยส่วนมากจะใช้ในกรณีนั่งทำงานอยู่บ้านหรือกรณีฉุกเฉินที่ต้อง VPN เข้าไป

The post การตั้งค่า VPN สำหรับ Windows 7 appeared first on WINDOWSSIAM.

พื้นฐาน Excel เบื้องต้น ที่จำเป็นต้องรู้

$
0
0

สำหรับมือใหม่ที่หัดใช้ Microsoft Excel นั้นสามารถเรียนรู้เบื้องต้นได้จากบทความนี้ โดยเป็นการสอนพื้นฐาน Microsoft Excel เบื้องต้น โดยอาทิเช่น การเพิ่ม Column , การเพิ่ม Row , การรวมผมลัพธ์ของ Microsoft Excel อาทิเช่น การบวก ลบ คูณ หาร และค่อยๆศึกษาเพิ่มเติมขึ้นไป โดยอาจจะไปใช้สูตร IF , การใช้ VLookup หรือการใช้ฟังก์ชั่นอื่นๆของ Excel โดยสำหรับผู้คนที่สนใจในด้าน Microsoft Excel ส่วนใหญ่จะเอาไปใช้ในการทำบัญชี การเงิน หรือ การทำสินค้าคงคลัง โดยสำหรับผู้ที่อยากเรียนพื้นฐานเบื้องต้น ก็ให้ทำการอ่านบทความนี้ และทำความเข้าใจก่อนในการทำงานของแต่ละหัวข้อของ Excel

เรียนรู้พื้นฐาน Excel เบื้องต้น

ความหมายของแต่ละส่วนหน้าจอของ Microsoft Excel (Interface)

Basic-Excel

Quick Access : เราสามารถทำการเพิ่มไอคอน Tools ต่างๆที่เราใช้บ่อยๆมาไว้ตรงนี้ได้

Tools ต่างๆ : จะเป็นการรวม Tools ต่างๆในการจัดการ Excel

Name Box : ชื่อของ Cell นั้นๆ หรือ จะเป็นการพิมพ์ชื่อ Cell นั้นๆลงไปแล้ว Enter มันจำนำเราไปอยู่ใน Cell ที่เราต้องการ

ช่องในฟังก์ชั่น : โดยเป็นช่องใส่สูตรที่เราจะใช้

ชื่อคอลัมน์ (Column) : ชื่อคอลั่มในการใช้งานไฟล์ใน Excel อาทิเช่น  A , B , C , D , E , F……

ชื่อแถว (Row) : ชื่อแถวในการใช้งานไฟล์ใน Excel อาทิเช่น  1,2,3,4,5…….

Sheet : จะเป็นแถบในการจัดการ Sheet และการเพิ่ม Sheet

Zoom in – Zoom out : ซูมเข้า – ซูมออก ไฟล์เอกสาร Excel

Worksheet : คือส่วนต่างๆที่อยู่ใน Sheet นั้นๆของ Excel

เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์

เครื่องหมาย ความหมาย ตัวอย่าง
 +  บวก  5+5
 –  ลบ หรือ การติดลบ  10-5 หรือ -2
 *  คูณ  3*2
 /  หาร  10/2
 %  เปอร์เซ็นต์  20%
 ^  การยกกำลัง  2^3

วงเล็บในสูตร Excel

ตัวอย่าง

=10+2*5   คำอธิบาย : คำตอบจะคือ 20 โดยเป็นการเอา 2 คูณ 5 จากนั้นเอา 10 ไปบวกกับ 10

=(5+5)*4  คำอธิบาย : คำตอบจะคือ 40 โดยเป็นการเอา 5 บวก 5 เท่ากับ 10 จากนั้นเอา 4 มาคูณ โดยจะเป็นการทำในวงเล็บก่อน

ตัวดำเนินการเปรียบเทียบ

 เครื่องหมาย  ความหมาย  ตัวอย่าง
 =  เท่ากับ C1=D1
 >  น้อยกว่า C1>D1
 <  มากกว่า C1<D1
 >=  น้อยกว่าหรือเท่ากับ C1>=D1
 <=  มากกว่าหรือเท่ากับ C1<=D1
 <>  ไม่เท่ากับ C1<>D1

ตัวดำเนินการอ้างอิง

เครื่องหมาย ความหมาย ตัวอย่าง
 :  การอ้างอิงเซลล์ทั้งหมด จากเซลล์หนึ่งไปอีกเซลล์หนึ่ง  A1:A30
 ,  การยูเนียนของข้อมูล  SUM(A1:A10,B1:B5)

โดยทั้งหมดที่ผมทำการกล่าวมานี้ ผู้ใช้ทั่วไปสำหรับมือใหม่หัดใช้ Excel เบื้องต้นจะต้องทราบว่า ในแต่ละ Tools อาทิเช่น การ บวก ลบ คูณ หาร นั้นควรใช้สัญลักษณ์ไหนในการทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาใน Excel

ตัวอย่างสูตรทั่วไป

=A1+A2+A3  จะเป็นการรวมกันของ A1 A2 A3

=TODAY()  แสดงวันที่ปัจจุบัน

=UPPER(“windowssiam”) เป็นการแปลงตัวอักษรให้เป็นตัวใหญ่ทั้งหมด WINDOWSSIAM

การใช้ฟังก์ชั่น IF Excel

การใช้ VLookup

The post พื้นฐาน Excel เบื้องต้น ที่จำเป็นต้องรู้ appeared first on WINDOWSSIAM.

การใช้ DATEDIF ใช้คำนวน ปี เดือน วัน ของพนักงาน

$
0
0

ในการคำนวน วัน เดือน ปี ของพนักงานแต่ละคน เริ่มตั้งแต่เริ่มทำงานจนถึงเลิกจ้าง โดยทาง HR จะต้องมี record เก็บเป็นสถิติว่า พนักงานคนนี้ ทำงานมาทั้งหมด กี่ ปี เดือน วัน โดยวันนี้ผมจะมาสอนการใช้ Microsoft Excel ในการช่วยคำนวณ โดยเราสามารถทำการนำสูตรนี้ไปประยุกต์ในการทำงานต่างๆตรงตามที่เราต้องการได้ ขอแค่เข้าใจหลักการในการใช้งาน

โดยใช้ฟังก์ชั่น DATEDIF ของ Excel ในการช่วยคำนวณ

รูปแบบฟังก์ชั่น
DATEDIF(start_date,end_date,unit)

Unit ความหมาย
 Y  ระยะครบ ปี
 M  ระยะครบ เดือน
 D  ระยะครบ วัน
 MD  ระยะครบวัน โดยเริ่มต้นใหม่ของทุกๆเดือน
 YM  ระยะครบเดือน โดยเริ่มต้นใหม่ของทุกๆปี
 YD  ระยะครบวัน โดยเริ่มต้นใหม่ของทุกๆปี

การใช้งาน DATEDIF ใช้คำนวนอายุงาน ปี เดือน วัน ของพนักงาน

โดยให้เราทำการกรอกข้อมูลของพนักงานลงไป อาทิเช่น รหัสพนักงาน , ชื่อ – นามสกุล , วันที่เริ่มต้นทำงาน , วันที่ลาออก จากนั้นระบบจะทำการคำนวณให้อัตโนมัติว่า บุคคลคนนั้น มีอายุงานทั้งหมดกี่ปี กี่เดือน กี่วัน

ตัวอย่าง

ตัวอย่างการคำนวนปี =DATEDIF(C3,D3,”Y”)

ตัวอย่างการคำนวนเดือน =DATEDIF(C3,D3,”YM”)

ตัวอย่างการคำนวนวัน =DATEDIF(C3,D3,”MD”)

DATEDIF Excel

เสร็จสิ้นการใช้สูตร DATEDIF ในการใช้ฟังก์ชั่นในส่วนนี้ในการคำนวณ ปี เดือน วัน โดยเราสามารถนำไปประยุกต์ในการคำนวณสิ่งต่างๆได้ เช่า อายุของสินค้า

ดาวน์โหลดตัวอย่าง DATEDIF

The post การใช้ DATEDIF ใช้คำนวน ปี เดือน วัน ของพนักงาน appeared first on WINDOWSSIAM.


ลบรหัสผ่าน Wireless ตัวเก่า ใน Windows 10

$
0
0

สำหรับการ Forget Password Wireless สำหรับใน Windows 10 แล้วบางคนอาจจะยุ่งยากหรือทำไม่เป็น เพราะเมนูต่างๆจะถูกเข้ามาซ่อนข้างใน สำหรับคนที่กำลังเชื่อมต่ออยู่กับชื่อสัญญาณเดิมหรือ SSID เดิม แล้วทางแอดมินทำการเปลี่ยน Password Wireless ทำให้คอมพิวเตอร์ของเราไม่สามารถทำการเข้าใช้ Internet หรือไม่ได้รับ IP Address มาจาก Wireless เพราะ Password ถูกเปลี่ยนใหม่ โดยวันนี้ผมจะมาสอนวิธีการลบการตั้งค่าเดิมของสัญญาณนั้นๆ

คุณรู้หรือไม่ เวลาคอมพิวเตอร์ของเราทำการเชื่อมต่อ Wi-Fi ของชื่อสัญญาณนั้นๆ คอมพิวเตอร์จะเก็บ Profile ของชื่อสัญญาณนั้นๆไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ Windows 10 ของเรา

วิธีการ Forget Password Wireless สำหรับ Windows 10

1. ทำการคลิกที่ Wifi บน Notebook ของเรา > เลือก Network Settings

Forgot-Wirelress-Windows10

2. Wifi > ทำการเลือก Manage Wifi Settings

Forgot-Wirelress-Windows10-Manage

3. เลือกชื่อสัญญาณที่เราต้องการลบค่า Settings จากนั้นกด Forget

Forgot-Wirelress-Windows10-SSID

เท่านี้ก็เป็นการลบ Password ตัวเดิมที่ คอมพิวเตอร์ของเราทำการเชื่อมต่อกับชื่อสัญญาณตัวเก่าเป็นที่เรียบร้อย ต่อจากนั้นให้เราทำการคลิกที่ WIFI มุมขวาล่าง จากนั้นเลือก SSID เดิมที่เราต้องการเชื่อมต่อใหม่ กับ Password ตัวใหม่

The post ลบรหัสผ่าน Wireless ตัวเก่า ใน Windows 10 appeared first on WINDOWSSIAM.

การตั้งพักหน้าจอ Windows 10

$
0
0

สำหรับการตั้งการพักหน้าจอ Windows 10 นั้นทำไม่ยาก โดยหลังจากที่เราได้ทำการลง Windows 10 และใช้งานไปเรียบร้อย และตอนที่เราใช้งาน ตอนที่เราไม่อยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือ เดินไปที่อื่น เราสามารถตั้งการพักหน้าของ Windows 10 ได้ โดยสามารถกำหนดเวลาในการพักหน้าจอว่า ถ้าเราไม่ได้ขยับเมาส์เป็นเวลานานกี่นาที หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเราจะพักหน้าจอเป็น Screen Server ในการพักหน้าจอ แถมเป็นการล๊อคหน้าจอด้วย ทำให้คนอื่นไม่สามารถเข้ามาดูหน้าจอ Desktop ของเราได้ เพราะติดรหัสผ่านของ Windows นั่นเอง

ตั้ง Windows 10 พักหน้าจอ

1. ไปที่ Start > คลิกขวาเลือก Control Panel

Turn Off Diskplay Windows 10

2. เลือก View by : small icon > ทำการเลือก Power Option

Turn Off Diskplay Windows10 ControlPanel

3. เลือก Balanced : Change plan settings

Turn Off Diskplay Windows10 Option Plan

4. ในส่วนนี้จะมี Turn off the display , Put the computer to sleep

Turn off the display : จะเป็นปิดพักหน้าของเรา ถ้าเราไม่ได้อะไรบนคอมพิวเตอร์ของเราเป็นจำนวน กี่นาที ก็อยู่ที่เราตั้ง

Put the computer to sleep : จะเป็นปิดเข้าโหมด Sleep  ถ้าเราไม่ได้อะไรบนคอมพิวเตอร์ของเราเป็นจำนวน กี่นาที ก็อยู่ที่เราตั้ง

ถ้าสำหรับ Notebook : จะมี 2 คอลัมน์ จะมีในส่วนของการเสียบปลั๊ก และ ไม่เสียบปลั๊ก Adapter

Turn Off Diskplay Windows10 TurnOff

เมื่อเราทำการเลือกเรียบร้อย ก็ให้ทำการคลิก Save Change เพื่อทำการบันทึกค่า ของการตั้งค่าในการปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ ใน ขณะที่เราไม่อยู่หน้าจอ

The post การตั้งพักหน้าจอ Windows 10 appeared first on WINDOWSSIAM.

การแก้ไข Windows 10 ภาพไม่ชัด

$
0
0

สำหรับคนที่กำลังลง Windows 10 มาเรียบร้อย หลังจากนั้นใช้โปรแกรมต่างๆ หรือหน้าจอของเรารู้สึกว่าไม่ชัด เราจะต้องทำอย่างไร วันนี้ผมจะมีคำตอบให้ว่าเราต้องทำการตั้งค่าตรงไหน หรือ ทำการตรวจสอบอะไรบ้างในการตรวจสอบว่า ทำไมหน้าจอของเราใน Windows 10 นั้นไม่ชัด เหตุผลส่วนใหญ่เกิดมาจากยังไม่ได้ทำการติดตั้ง Drivers ของการด์จอ ทำให้หน้าจอของเราเบลอๆ เบลอแบบว่ารักแถบ 555+

การตรวจและการแก้ไข หน้าจอ Windows 10 ภาพไม่ชัด

ในการตรวจสอบนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 3 หัวข้อหลักๆ

1.ตรวจสอบ Drivers การด์จอ

ตรวจสอบว่าเราทำการลง Drivers การด์จอแล้วหรือยังใน Windows 10 ถ้ายังไม่ลงแนะนำให้ทำการดาวน์โหลดและมาทำการติดตั้ง

แนะนำการติดตั้ง Drivers คอมพิวเตอร์

1.1 คลิกขวาที่ Start > เลือก Device Manager

Display Setting Windows 10 Device Manager

1.2 ดูในส่วนของ Display adapter มันจะต้องเป็น การด์จอรุ่นที่เราใช้

Display Setting Windows 10 VGA

2. ตรวจสอบ Resolution ของหน้าจอ Windows 10

ข้อมูลจาก Microsoft

ความละเอียดจะขึ้นอยู่กับขนาดของจอภาพ LCD

ขนาดของจอภาพ ความละเอียดที่แนะนำ (เป็นพิกเซล)

จอภาพ LCD อัตราส่วนมาตรฐาน 19 นิ้ว

1280 × 1024

จอภาพ LCD อัตราส่วนมาตรฐาน 20 นิ้ว

1600 × 1200

จอภาพ LCD แบบจอกว้าง 20 และ 22 นิ้ว

1680 × 1050

จอภาพ LCD แบบจอกว้าง 24 นิ้ว

1920 × 1200

ขนาดหน้าจอของแล็ปท็อป ความละเอียดที่แนะนำ (เป็นพิกเซล)

หน้าจอของแล็ปท็อปอัตราส่วนมาตรฐาน 13 ถึง 15 นิ้ว

1400 × 1050

หน้าจอของแล็ปท็อปแบบจอกว้าง 13 ถึง 15 นิ้ว

1280 × 800

หน้าจอของแล็ปท็อปแบบจอกว้าง 17 นิ้ว

1680 × 1050

2.1 โดยให้เราเข้าไปที่ คลิกขวาบนหน้าจอ Desktop และทำการเลือก Display Settings

Display Setting Windows 10 3

2.2 จากนั้นไปที่ Display > ทำการเลือก Advance display settings

Display Setting Windows 10

2.3 หัวข้อ Resolution ให้ปรับตามขนาดของหน้าจอของเราใน Windows

Display Setting Windows 10 Resolutions

Display Setting Windows 10 2

2.4 เมื่อเราการเลือกได้แล้ว ก็ให้ทำการกด Apply

3.การปรับขนาดของไอคอน

3.1 ให้เข้าเหมือนกับการปรับ Resolution แต่ให้เราคลิก Advanced sizing of text and other items > หัวข้อ Change only the text size : ลองทำการปรับ ประมาณ 13 และกด Apply

Display Setting Windows 10 4

เท่านี้ผมก็คิดว่า คอมพิวเตอร์ Windows 10 ของเพื่อนๆ ภาพหน้าจอก็จะคมชัด ในการใช้งานและการดูหนังต่างๆใน Windows 10 เป็นที่เรียบร้อย

The post การแก้ไข Windows 10 ภาพไม่ชัด appeared first on WINDOWSSIAM.

ปรับมุมมอง Logical Core CPU ของ Windows 10

$
0
0

หลายคนที่ลง Windows 10 เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว แล้วเข้ามาดูที่ Task manager จากนั้นจะเห็นว่า ช่องตารางที่ดู CPU มีแค่ช่องเดียว ทั้งๆที่ CPU ของเรามันเป็น Core i3 Core i5 หรือ Core i7 อย่างตัวอย่างของผม ผมใช้Core i5 มันก็จะมีทั้งหมด 4 core การทำงานของ CPU โดยวันนี้ผมจะมาสอนวิธีการปรับ View Logical Core CPU

วิธีการปรับ Core view CPU Task Manager

1. คลิกขวาที่ Task bar : เลือก Task Manager

Logical CPU Windows 10 TaskManager

2. หลังจากที่เราเข้า Task Manager > Performance จากนั้นจะดู CPU ปรากฎว่าเห็นแค่กราฟเดียวในการทำงานของ CPU

Logical CPU Windows 10

3. วิธีการปรับให้คลิกขวาที่ในกราฟ > Change graph to > Logical Processors

Logical CPU Windows 10 Core

4. หลังจากที่ปรับแล้ว ก็จะเห็น Core cpu ตามรูปแล้วครับ

Logical CPU Windows 10 Covers

อันนี้เป็นทิปเล็กๆน้อยๆ ของ Windows 10 ครับ ในการปรับดู Logical Core ของ CPU ในการทำงานของแต่ละ Core

The post ปรับมุมมอง Logical Core CPU ของ Windows 10 appeared first on WINDOWSSIAM.

ปรับ Google Chrome เป็นภาษาไทย

$
0
0

สำหรับคนที่มีปัญหาในการใช้เมนูภาษาอังกฤษใน Google Chome และยากจะเปลี่ยนเป็นเมนูภาษาไทย สำหรับคนที่ต้องการทำการใช้ Google Chrome ที่เมนูต่างๆเป็นภาษาไทยสามารถทำตามที่ผมจะมาสอนนี้ โดยสำหรับคนที่ตอนนี้ใช้ Google Chrome เมนูภาษาอังกฤษและต้องการเปลี่ยนเมนูภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทย สามารถทำได้เลย โดยไม่ต้องทำการลบและทำการติดตั้งเอาใหม่ เพราะว่าทาง Google Chrome มี Option ในการเปลี่ยนภาษาให้ใช้อยู่แล้ว

การเปลี่ยนเมนู Google Chrome เป็นภาษาไทย

1. ทำการเปิด Google Chrome > จากนั้นไปมุมขวา เลือก Control ของ Google > เลือก Settings

Set-Language-Google-Chrome

2. เลือก Show advanced settings

Set-Language-Google-Chrome advanced

3. เลือก Language and input settings

Set-Language-Google-Chrome setting

4. ทำการกด Add จากนั้นเลือก THAI เพิ่มเข้ามา

Note : หรือภาษาที่เราอยากได้ในการใช้งานของ Google Chrome

Set-Language-Google-Chrome add

5. ให้ทำการคลิกไปที่ Thai จากนั้นคลิก Display Google Chrome in this language และทำการกด Done

Set-Language-Google-Chrome thai

6. ทำการปิด Google Chrome

7. ทำการเปิด Google Chrome ใหม่อีกครั้ง เราก็จะได้เมนูต่างๆที่เป็นภาษาไทยเรียบร้อย

Set-Language-Google-Chrome thai menu

เสร็จสิ้นการเปลี่ยนเมนูภาษาอังกฤษ ใน Google Chrome มาเป็นภาษาไทย  โดยสำหรับใครที่จะเปลี่ยนจากเมนูไทย > เมนูอังกฤษ ก็ให้ทำเหมือนกัน แค่ขั้นตอนที่4 ให้ใส่เป็น English (US) เท่านั้น จากนั้นก็ทำเหมือนทุกอย่าง เท่านี้เราก็จะได้เมนูภาษาต่างๆตามที่เราปรับเรียบร้อยใน Google Chrome

The post ปรับ Google Chrome เป็นภาษาไทย appeared first on WINDOWSSIAM.

Viewing all 741 articles
Browse latest View live


<script src="https://jsc.adskeeper.com/r/s/rssing.com.1596347.js" async> </script>